ใส่ปุ๋ยแบบไหนประหยัดและได้ประโยชน์มากที่สุด ?

จากบทความที่แล้ว เราพอจะเข้าใจแล้วว่า จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยที่มีมาตรฐาน และคุณภาพ วันนี้เราจะมาคุยกันว่า ใส่ปุ๋ยอะไร? ใส่แบบไหน ? ใส่บ่อยแค่ไหน ? จะได้ประโยชน์ที่สุด

.
มาฟังกันเลยครับ

ดินต้องดีก่อน : สิ่งที่เกษตกรต้องพิจารณาก่อนการใส่ปุ๋ย คือ ตรวจสอบสภาพดิน ว่าพร้อมที่จะใส่ปุ๋ยหรือไม่ เนื่องจากปุ๋ยส่วนมากนิยมให้ทางดิน โดยดินจะรับปุ๋ยที่ละลายไว้และส่งต่อให้รากพืชค่อยๆดูดกิน สภาพดินจึงเป็นตัวแปรสำคัญต่อการใช้ประโยชน์ได้ของปุ๋ยด้วย ดินที่ดีควรร่วนซุย มีอินทรีย์วัตถุสูง (2-5%) มีความชื้นพอเหมาะเพื่อละลายปุ๋ย มีแร่ธาตุต่างๆที่เป็นอาหารของพืช มีความเป็นกรด-ด่างพอเหมาะ(pH6-7) และต้องไม่เค็มเกินไป เพราะหากดินซึ่งเป็นทั้งที่อยู่ที่กินของรากพืชมีสภาพไม่เหมาะสมแล้ว แม้จะใช้ปุ๋ยดีแค่ไหนก็ไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร
.
หรือถ้าจะให้ดี เราควรบำรุงดินให้พร้อมก่อนด้วยปุ๋ยอินทรีย์และสารปรับปรุงดิน ให้ดินมีอินทรีย์วัตถุสูงขึ้น มีค่าความเป็นกรดด่าง หรือ พีเอช(pH)พอเหมาะ เมื่อเราใส่ปุ๋ยธาตุอาหาร NPK ไปภายหลัง จะทำให้เกิดประโยชน์เต็มที่ เพราะอินทรีย์วัตถุจะทำให้ดินร่วนซุยและช่วยดูดซับน้ำและแร่ธาตุอาหารจากปุ๋ยเคมีไม่ให้สูญเสียไปง่ายๆ
.

เมื่อแน่ใจว่าดินดีแล้ว มาพิจารณาเรื่องปุ๋ยกันครับ ปุ๋ยเป็นภาระต้นทุนต่อการเพาะปลูกพืช เช่น การใช้ปุ๋ยเคมีเป็นหลัก คิดเป็นต้นทุนมากกว่า20% ของต้นทุนทั้งหมด ปุ๋ยในท้องตลาด ประมาณ 90%เป็นปุ๋ยเคมี NPK ซึ่งเป็นธาตุอาหารที่พืชต้องมากที่สุด และมักมีไม่เพียงพอในธรรมชาติ นั่นหมายความว่า การเพาะปลูกพืชจึงควรใช้ทั้งปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมีควบคู่กันไป โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ไปปรับปรุงดินก่อน และใช้ร่วมหรือสลับกับปุ๋ยเคมี จะทำให้ใช้ปุ๋ยเคมีในอัตราที่ลดลงได้ เพราะจะมีการสูญเสียน้อย เนื่องจากปุ๋ยเคมีมักเป็นสารสังเคราะห์ มีธาตุอาหารสูง เช่น ยูเรีย (46-0-0)หรือ โพแทสเซียมคลอไรด์ (0-0-60) จึงมักมีความเค็มสูง(EC) และละลายได้เร็ว
.

ใส่ปุ๋ยยังไง และ บ่อยแค่ไหน ?
.
ปัจจุบัน เกษตรมักใส่ปุ๋ยครั้งๆละจำนวนมาก ไม่บ่อย เพื่อเลี่ยงค่าแรงใส่ปุ๋ย และเข้าใจผิดว่าปุ๋ยจะคงอยู่ในดินรอให้พืชมาดูดกิน นี่คือปัญหาที่ทำให้ปุ๋ยสูญเสียสูง(20-50%) จึงต้องกำหนดอัตราใช้สูงไว้เผื่อสูญเสีย และใส่ค่อนข้างมาก ทำให้อาจตกค้างเป็นพิษกับดินได้ เพราะพืชจะดูดกินปุ๋ยไม่ทัน แถมสร้างความเค็มกับดินและอาจตกค้างตกตะกอนกับแร่ธาตุอื่น ทำให้ดินแน่นทึบและเสียประโยชน์ไปได้
.
ปัจจุบันในต่างประเทศมีการพัฒนาปุ๋ยเคมีละลายช้า(slow release)เพื่อลดการสูญเสีย แค่ราคาค่อนข้างแพง เราจึงมีการพัฒนาเป็นปุ๋ยอินทรีย์เคมีขึ้นมา เป็นปุ๋ยที่มีธาตุอาหารหลักNPK ที่ลดลง(ไม่เผื่อไว้สูญเสียและไม่เป็นพิษ)แต่ผสมร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ที่จะช่วยบำรุงดินและทำให้ธาตุอาหารปลดปล่อยช้าลงและไม่สูญเสียไป

.
การละลายที่ช้าลงจะลดความเค็มและความเป็นพิษต่อพืชได้ จึงถือเป็นปุ๋ยทางเลือกที่ดีต่อเกษตรกร
.
……….

“ดร. ปุ๋ย”

.
https://www.facebook.com/ninphetfer
https://www.facebook.com/StFertilityCoLtd